อัพเดท ล่าสุด ค้นหาบทความ >>

 

บทความล่าสุด:

Maxico Aliens! X ทฤษฎี "เอเลี่ยนโบราณ" 👽

จากข่าว เม็กซิโก เผยทางการ มีซากฟอสซิล "มนุษย์ต่างดาว" อ้างว่า คือ ของจริง !?




2 ร่าง ที่เห็น ประมาณการอายุที่ 700 ปี และ 1,800 ปี รูปร่างขนาดเล็ก สูงแค่ประมาณ 1 เมตร ลักษณะ หัวยาว มีสามนิ้ว ค้นพบในแหล่งที่ใกล้กับ Nazca Lines

* Nazca Lines คือ กลุ่มภาพลายเส้นประหลาดขนาดใหญ่ แถวทะเลทรายนัซกา ทางตอนใต้ของประเทศเปรู ซึ่งพวกทฤษฎี Ancient Aliens มีการมองว่า อาจเป็น ท่าอากาศยานของเอเลี่ยนโบราณ! (รายละเอียด/รูปเพิ่มเติม ด้านล่าง)

ก็ถ้างานนี้ มันคือ ของจริงจริงๆ *ถ้าไม่ Fake จัดฉาก หรือเข้าใจผิดบางอย่าง นี่จะคือประวัติศาสตร์ การเผยซากเอเลี่ยน อย่างเป็นทางการ ครั้งแรกของโลก ( แต่ถ้าเกิดจงใจ Fake 100% ก็จะเป็นอีกหนึ่งแห่งการจัดฉากลวงโลก! แห่งยุค )

Cr. สํานักข่าวรอยเตอร์ - ภาพข้อมูลคลิป เพิ่มเติมได้ที่ https://www.reuters.com/world/americas/mexican-congress-holds-hearing-ufos-featuring-purported-alien-bodies-2023-09-13/



สังเขป ทฤษฎี "เอเลี่ยนโบราณ"

" หลายพันปีก่อน ตอนที่บรรพบุรุษของเรายังไร้อารยธรรม สิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกโลกบางพวกอาจลงมาที่โลกของเรา แต่ด้วยความเข้าใจผิดเรื่องเทคโนโลยี บรรพบุรุษเราก็เลยเข้าใจว่า พวกนั้นคงจะต้องเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพเจ้าอะไรซักอย่างแน่ๆ " --- Erich Von Daniken (นักทฤษฏี เอเลี่ยนโบราณ)


ทฤษฎีทำนอง เอเลี่ยนโบราณ, หรือ นักบินอวกาศโบราณ, หรือจะเรียก พระเจ้าจากอวกาศ (Ancient Aliens, Ancient Astronaut) ถือเป็นอีกทฤษฎีหรือไอเดียสำคัญ ที่ทรงอิทธิพลและใช้เป็นวัตถุดิบทางจินตนาการของหนังนิยายไซ-ไฟ หลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน อาทิ 2001 A Space Odyssey, The Third Encounters of the Third Kind, Star Trek, The X-Files, Star Gate, Mission to mars, Alien VS Predator, Transformers, Prometheus, Eternals เป็นต้น...

- ครั้งหนึ่งในอดีตช่วงสงคราม อเมริกามักตั้งฐานทัพลับบนเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ชนพื้นเมืองที่ยังเป็นคนป่า เมื่อพวกเขาเห็นนกยักษ์อันคือเครื่องบินรบบินว่อนท้องฟ้า-ร่อนลงจอด ก็เป็นที่ตื่นตระหนก บางโอกาสพวกทหารก็ให้สินค้า-อาหารกระป๋องแด่พวกเขาด้วย บ้างก็ส่งลงมาจากเครื่องบินจากฟ้าโดยตรง สำหรับพวกเขาแน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่เหลือเชื่ออัศจรรย์...ผลคือคนพื้นเมืองเหล่านั้นมองบรรดาทหาร-นักบินราวผู้วิเศษมาจากสรวงสวรรค์ เมื่อสิ้นภารกิจพวกทหารนักบินก็จากไป คนป่าชนพื้นเมืองจึงเข้าไปสำรวจฐานทัพ-ลานบิน-ซากอุปกรณ์ที่เหลือทิ้งไว้เบื้องหลังต่างๆอย่างถี่ถ้วน ทั้งเก็บเศษสิ่งของเป็นที่ระลึก...สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือ ต่อมาพวกเขาได้เลียนแบบสร้างเครื่องบินจำลองจากไม้-หญ้า เป็นสัญลักษณ์ ไว้บูชา ทั้งรอคอยการกลับมาของนักบิน แจกสินค้า-อาหารกระป๋องอีกครั้ง...

นี่คือกรณีตัวอย่างสำคัญตัวอย่างหนึ่ง ที่นักทฤษฎี เอเลี่ยนโบราณ/พระเจ้าจากอวกาศ อ้างอิง-สันนิษฐานว่า...ในอดีตดึกดำบรรพ์อาจมี มนุษย์ต่างดาวบินมาเยือนมนุษย์โบราณทำนองเดียวกัน และความคิด-ตำนานเกี่ยวกับทวยเทพเจ้า-ศาสนานับถือพระเจ้าต่างๆ ก็อาจถือกำเนิดจากเหตุการณ์สารตั้งต้นทำนองนี้ ก็เป็นได้ -

ทฤษฎี เอเลี่ยนโบราณ มาจากการตั้งข้อสังเกตของนักวิชาการหลากหลายท่านด้วยกัน แต่คนที่จุดประกายแนวคิดได้โดดเด่นเป็นที่กล่าวขวัญถึงคนแรกๆ ก็คือ "อีริช ฟอน ดานิเกน" (Erich Von Daniken) ดานิเก้นได้เขียนหนังสือเล่มนึงออกมาในชื่อ "Chariots of the Gods"(1968) แปลไทยเป็น "รถม้าศึกของพระผู้เป็นเจ้า" อุปมารถม้าคือ ยานอวกาศ ซึ่งเป็นที่ฮือฮาสนใจกันมากในยุคนั้น เนื้อหาหนังสือเป็นเชิงสารคดี ว่าด้วยแนวคิดที่เขามองประวัติศาสตร์-อารยธรรมโลกในมุมมองใหม่ จากหลักฐานทางโบราณคดีที่แปลกประหลาด ดูจะไม่ปกติต่างๆ โดยได้ตั้งข้อสังเกตโดยกว้างๆ ทำนอง...

ในอดีตโลกของเราอาจได้รับการมาเยือนจากมนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลกมาแล้ว ในช่วงที่เผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณเพิ่งเริ่มสร้างเป็นสังคม-ก่อเกิดอารยธรรมต่างๆเมื่อหลายพันปีก่อน และมนุษย์ต่างดาวอาจได้ใช้ภูมิปัญญา-เทคโนโลยีล้ำสมัยของพวกเขา เข้ามามีส่วนช่วยอยู่เบื้องหลังบางอารยธรรมโบราณของมนุษย์ด้วย มนุษย์โบราณในอดีตจึงให้ความชื่นชมเคารพยำเกรงต่อมนุษย์ต่างดาวเหล่านั้น ส่งผลให้กำเนิดเป็นความเชื่อว่าพวกเขาคงเป็น พระเจ้า เทพ-เทวา ฯลฯ ผู้มาจากสวรรค์ชั้นฟ้า เมื่อพวกมนุษย์ต่างดาวจากไป จะด้วยอะไรก็ตาม จึงได้เกิดการเล่าขานสืบต่อกันมาจนกลายเป็นตำนาน ทั้งยังมีจารึก-บันทึกในสถานที่สำคัญต่างๆ และก็อาจต่อยอดกลายมาเป็นลัทธิความเชื่อ-ศาสนาต่างๆของสังคมมนุษย์ในเวลาต่อๆมา จวบจนปัจจุบัน

ข้อเสนอของทฤษฎีพระเจ้าจากอวกาศอื่นๆ อาทิ มนุษย์ต่างดาวโบราณ อาจมีส่วนในการก่อสร้างมหาพีระมิด หรือสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาอันน่าทึ่งต่างๆของอารยธรรมโบราณทั่วโลก แม้กระทั่งอาจเข้ามามีส่วนในการจัดการกับวิวัฒนาการบางส่วนของเผ่ามนุษย์โบราณด้วย(ปรับแต่ง DNA-พันธุกรรม) เพื่อให้มีโครงสร้างร่างกายที่ดีขึ้น-ฉลาดขึ้น และได้วิวัฒนาการต่อ จนกลายมาเป็นมนุษย์สมัยใหม่ในปัจจุบันนั่นเอง

อย่างกรณี มหาพีระมิดแห่งอียิปต์ เมื่อประเมินโดยภาพรวมแล้วก็นับว่า เป็นปริศนาน่าทึ่ง ชาวไอยคุปต์โบราณไม่น่าจะมีทางสร้างพีระมิดยักษ์ขนาดนี้ได้เลย หากปราศจากเทคโนโลยีชั้นสูง หลักฐานเกี่ยวเนื่องต่างๆในพีระมิด ยังอาจสื่อถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างจักรวาล-เลขฐานสิบ-กับโครงสร้างของมหาพีระมิด

นอกจากนั้นยังมีหลักฐานโบราณอันน่าสงสัยอีกมากมาย อาทิ สัญลักษณ์ลายเส้นและลานกว้าง (คล้ายลาดจอดสนามบิน) บนยอดเขาแห่ง ทะเลทรายนาซคา(Nazca Lines) ประเทศเปรู ลายเส้นเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากที่สูงทางอากาศเท่านั้น ชาวนาซคาโบราณจะทำเช่นนี้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร? แต่กระนั้นหากเป็นลานบินจริงๆ เมื่อหลายพันปีที่แล้ว ยังไม่พบหลักฐานใดๆเลยว่ามนุษย์โบราณเคยมีพาหนะทำนองเครื่องบิน

- ปริศนาหลักฐานทางโบราณคดีมากมาย สถาปัตยกรรม รูปปั้น รูปสลัก ฯลฯ ดูเหมือนจะ มีความเกี่ยวโยงกับมนุษย์ต่างดาวในอดีต ? -


- ลายเส้น สัญลักษณ์ต่างๆ รวมทั้งลานกว้าง คล้ายลาดจอดสนามบิน บนยอดเขาแห่งทะเลทรายนาซคา(Nazca Lines) ประเทศเปรู บางพื้นที่ยาวถึง 23 กม. -

และจากหลักฐานจารึก-ตำนานเรื่องเล่าโบราณในหลายๆอารยธรรม ที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีต กรณีของการปรากฏตัวของพระเจ้า-ทวยเทพผู้ทรงพาหนะบินไปมาในอากาศ น่าสังเกตว่ามักมีการกล่าวถึงเป็นไปในทำนองเดียว ยานพาหนะเหล่านั้นค่อนข้างมีโครงสร้างที่มีหลักการระดับหนึ่งเช่นกัน หาใช่ว่าจะเป็นไปเชิงอิทธิปาฏิหาริย์เวทย์มนต์เสียทีเดียวทั้งหมด ตัวอย่างในตำนานมหากาพย์ "มหาภารตะ" ของอินเดียเมื่อหลายพันปีก่อน มีการกล่าวถึงยานพาหนะของเหล่าทวยเทพ ที่เรียกว่า "วิมานะ"

สิ่งที่เรียกว่าวิมานะนี้สามารถขับเคลื่อนไปมาในอากาศ โดยอาศัยโครงสร้างที่ทำจากโลหะผสมอันเบาบาง ขับเคลื่อนได้ด้วยพลังงานความร้อนบางอย่าง มีหมอกควัน-ไฟฟุ้งกระจาย ทั้งมีเสียงกึกก้องคำรามน่าเกรงขาม

- ในพระคัมภีร์หลายคัมภีร์ของหลายลัทธิ-ศาสนา เมื่อหลายพันปีก่อนมักเอ่ยถึงการมาเยือนของ พระเจ้า-ทวยเทพ-ทูตสวรรค์ ฯลฯ ที่มาพร้อมกับพาหนะประหลาด หรืออาจมีปีก เรื่องทำนองนี้อาจมาจากเค้าความจริง ? มันอาจเป็นเทคโนโลยีการบินหรืออวกาศ ? ที่เมื่อคนโบราณได้เห็น จึงพยายามสรรหาคำมาอธิบาย-บันทึก เท่าที่จะทำได้ในยุคนั่น ? -

- รูปซ้าย คือ ตัวอย่างภาพวาดโบราณพบในหุบเขา วาล คามอนิกา (Val Camonica) ประเทศอิตาลี สันนิษฐานว่า วาดไว้ตั้งแต่ราว 10,000ปี! ก่อนคริสตกาล ซึ่งผู้เสนอทฤษฎี Ancient Aliens ตั้งข้อสัเกตว่าภาพเหล่านี้ รูปลักษณ์คล้ายกับมนุษย์อวกาศสมัยใหม่ (บนหัวเหมือนจะเป็นหมวกอวกาศ-ในมือถือเครื่องมืออุปกรณ์บางอย่าง?)...ส่วนภาพกลาง-ขวา ตัวอย่างจินตนาการถึงสิ่งทรงผู้ปัญญาต่างดาว รูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ ปรากฏในภาพยนตร์ Prometheus(2012) สื่อเรื่องราวออกมาในเชิง พวกเขาเป็นต้นกำเนิดผู้สร้างมนุษยชาติ -


- ตัวอย่างหลักฐานภาพวาดและรูปปั้นโบราณอื่นๆ รูปลักษณ์คล้ายกับมนุษย์ต่างดาว หรือมนุษย์อวกาศสมัยใหม่...รูปล่างขวาเป็นคน(แต่หัวขาด) สังเกตว่า ตัวคล้ายสวมชุดอวกาศยุคปัจจุบัน นั้งอยู่ในอะไรบางอย่างคล้ายกับยานจรวด -


- " เขาคือ เทพเจ้า 'รา' (แห่งอิยิปต์) ผู้เดินทางจากดาวไกลโพ้นที่กำลังจะดับสูญ จึงต้องหาทางต่ออายุของตัวเอง ร่างกายเขาอ่อนแอและเสื่อมสภาพ ไม่สามารถระงับความตายที่คืบคลาน เผ่าพันธุ์ของเขากำลังจะสิ้นสูญไป เขาต้องเดินทางไปหาหมู่ดาวเพื่อค้นวิธีอยู่รอดปลอดภัย และเขาก็มาถึงดาวที่อุดมสมบูรณ์ โลกกับชาวโลกที่ยังล้าหลังป่าเถื่อน เขารู้ว่าถ้าเขาอยู่ในร่างมนุษย์เขาจะสามารถเริ่มชีวิตใหม่ได้ และที่สำคัญคือ เป็นอมตะ! " --- จากภาพยนตร์ Stargate (1994)

ก็เป็นตัวอย่างหนังนิยายอีกเรื่อง ที่ได้รับอิทธิพลไอเดียจากทฤษฎี "เอเลี่ยนโบราณ" -

อีกตัวอย่าง: กรณี Anunnaki (อันนูนากิ) คือ กลุ่มเทพเจ้ากลุ่มหนึ่ง ในตำนานความเชื่อแถบเมโสโปเตเมียโบราณ อย่างวัฒนธรรม ซูเมเรียน (Sumerian), อักคาเดียน (Akkadian), บาบิโลเนียน (Babylonian) และอัสซีเรีย (Assyrian) เป็นต้น

ซึ่งเชื่อกันว่าพวกเขาเป็น สิ่งทรงภูมปัญญาลี้ลับ ผู้ลงมาจากฟ้า รูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่ตัวสูงใหญ่กว่ามนุษย์ปกติ 3-4 เท่า มีวิทยาการชั้นสูง-มีบทบาทสำคัญในการสร้างมนุษย์ (*หรือดัดแปลงพันธุกรรมมนุษย์โบราณโฮโมเซเปียนส์) และได้ถ่ายทอดองค์ความรู้-ช่วยสร้างอารยธรรม-หรือส่วนหนึ่งก็ใช้มนุษย์เป็นแรงงาน/ทาสด้วย เพื่อสูบทรัพยากรโลก(แร่ต่าง-ทองคำ)-พลังงานต่างๆ เป็นต้น

พวกทฤษฎี Ancient Aliens - Ancient Astronauts จึงเชื่อมโยงว่า ตำนานเทพเจ้าเหล่านั้น แท้จริงอาจคือ เอเลี่ยนโบราณ ที่เคยมาเยือนโลก และปัจจุบันอาจยังคงบงการอยู่เบื้องหลังอย่างลับๆด้วยซ้ำ โดยมนุษย์ไม่รู้ตัว

นอกจาก Anunnaki แล้ว ยังสันนิษฐานว่าอาจมีเอเลี่ยนกลุ่มอื่นๆด้วย อาทิ Reptilian aliens (รูปลักษณ์-ผิว คล้ายสัตว์เลื้อยคลาน) หรือพวก Grey aliens (ตัวเล็ก หัวโต ตาโต ที่คุ้นเคยตามสื่อบันเทิงทั่วไป) ฯลฯ



ปล. แน่นอนว่า ทฤษฎีเอเลี่ยนโบราณ ทำนองนี้ ไม่ได้รับการยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์ หรือโบราณคดีกระแสหลัก แต่กระนั้นก็เป็นวัตถุดิบไอเดีย ในการสร้างพล็อตหนังนิยาย ดั่งได้เกริ่นไปบ้างแล้วก่อนหน้า ซึ่งมีออกมาไม่น้อยจวบจนปัจจุบัน หรือแม้แต่เชิงสารคดีจริงๆจังๆ ก็มีสร้าง อย่างสารคดีดัง ชุด Ancient Aliens เป็นต้น แต่ไม่ว่ายังไง ถึงแม้ ยังไม่อาจฟันธงก็จริง แต่ก็ยังปฏิเสธทันทีไม่ได้ เช่นกัน

- หากสนใจ รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เพิ่มเติมลงลึกยิ่งขึ้น อาจลองหาชมได้จาก สารคดี ทีวีซีรีส์ ชุด "Ancient Aliens" (ซึ่งมีหลายซีซั่น-ยาวหลายตอนมากๆ) ส่วนใครจะเชื่อไม่เชื่อ จริงเท็จประการใด ก็สุดแท้แต่วิจารณญาณส่วนบุคคล แต่ก็จัดเป็นอีกสารคดี ที่มีการตั้งข้อสงสัยสังเกตเชื่อมโยงต่อหลักฐานโบราณคดีต่างๆ ได้น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งแม้มองในแง่ความบันเทิง ก็นับว่าสนุกดี

หากสนใจดูแบบเต็มๆทุกตอน-แต่หาดูไม่ได้ ลองติดต่อที่ เพจ สิ่งทรงภูมิ